By using this site, you agree to the Privacy Policy and Terms of Use.
Accept
สำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิว
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
Reading: ทำไมราคาประกันรถยนต์แต่ละปีถึงไม่เท่ากัน และมักเพิ่มขึ้นทุกปี
Sign In
สำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิว
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
Search
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
Have an existing account? Sign In
Follow US
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
© 2024 Bizknew.com All Rights Reserved.
สำนักข่าวบิสนิว > Blog > ทั่วไป > ทำไมราคาประกันรถยนต์แต่ละปีถึงไม่เท่ากัน และมักเพิ่มขึ้นทุกปี
ทั่วไป

ทำไมราคาประกันรถยนต์แต่ละปีถึงไม่เท่ากัน และมักเพิ่มขึ้นทุกปี

Longtun
Last updated: July 24, 2025 5:27 am
65 Views

ประกันภัยรถยนต์คืออะไร?

ประกันภัยรถยนต์ คือ สัญญาความคุ้มครองระหว่างเจ้าของรถกับบริษัทประกันภัย ที่ช่วยชดเชยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถของคุณ บุคคลอื่น หรือทรัพย์สิน จากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ เช่น ชน, ไฟไหม้, น้ำท่วม, หรือรถหาย

Contents
ประกันภัยรถยนต์คืออะไร?🔍 ประกันภัยรถยนต์มีไว้เพื่ออะไร?🧾 ประเภทของประกันภัยรถยนต์หลักๆ🛠️ องค์ประกอบที่อยู่ในประกันภัยรถยนต์🧠 ตัวอย่างง่ายๆ:🧾 1. อายุการใช้งานของรถเพิ่มขึ้น📊 2. ประวัติการเคลมของผู้เอาประกัน💥 3. สถิติอุบัติเหตุและอาชญากรรม🛠️ 4. ค่าแรงซ่อมและค่าอะไหล่ที่แพงขึ้น💰 5. บริษัทประกันปรับกลยุทธ์ราคา🔍 6. การเลือกแผนประกันที่เปลี่ยนไปสรุป:

🔍 ประกันภัยรถยนต์มีไว้เพื่ออะไร?

  • ช่วย คุ้มครองค่าใช้จ่าย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • ช่วย รับผิดชอบค่าเสียหาย ต่อคู่กรณีหรือบุคคลภายนอก
  • ลดภาระทางการเงินในกรณีเกิดเหตุการณ์ใหญ่ เช่น รถชนหนัก ไฟไหม้ หรือรถหาย
  • สร้างความ อุ่นใจ ให้เจ้าของรถและครอบครัว

🧾 ประเภทของประกันภัยรถยนต์หลักๆ

ประเภทความคุ้มครองหลัก
ชั้น 1คุ้มครองทุกกรณี: รถชน, รถหาย, ไฟไหม้, น้ำท่วม, ความเสียหายของรถเราและคู่กรณี แม้ไม่มีคู่กรณีก็เคลมได้
ชั้น 2+คุ้มครองคล้ายชั้น 1 แต่ไม่รวมกรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
ชั้น 3+คุ้มครองเฉพาะรถชนกับคู่กรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น และรถเราก็ได้รับความคุ้มครองด้วย
ชั้น 3คุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินและบุคคลภายนอก (ไม่คุ้มครองรถของเราเลย)

🛠️ องค์ประกอบที่อยู่ในประกันภัยรถยนต์

  1. ทุนประกันภัย (วงเงินคุ้มครอง) – วงเงินสูงสุดที่บริษัทจะจ่าย
  2. ค่าเบี้ยประกันภัย – จำนวนเงินที่เราต้องจ่ายต่อปี
  3. ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก – เช่น ค่ารักษาพยาบาล, ความเสียหายต่อทรัพย์สิน
  4. ค่าซ่อมรถ – ทั้งของรถเราและรถคู่กรณี (แล้วแต่ประเภทประกัน)
  5. ส่วนลด/ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) – กรณีเราเลือกจ่ายร่วมเพื่อให้เบี้ยประกันถูกลง

🧠 ตัวอย่างง่ายๆ:

ถ้าคุณขับรถไปชนเสาไฟฟ้า แล้วรถพัง:

  • ถ้ามีประกันชั้น 1 → ซ่อมให้ทั้งรถคุณ และยังคุ้มครองกรณีที่คุณบาดเจ็บด้วย
  • ถ้ามีประกันชั้น 3 → ไม่ซ่อมรถคุณเลย ต้องจ่ายเอง

หากคุณสนใจเลือกประกันที่เหมาะกับงบและลักษณะการใช้งานรถ ผมสามารถช่วยแนะนำได้เพิ่มเติม เช่น:

  • ใช้รถเยอะ/น้อย
  • อายุรถกี่ปี
  • มีประวัติเคลมหรือไม่

ราคาประกันรถยนต์แต่ละปีไม่เท่ากัน และมักมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลหลักๆ คือ


🧾 1. อายุการใช้งานของรถเพิ่มขึ้น

  • เมื่อรถเก่าลง ความเสี่ยงต่อการเสียหาย หรือเกิดอุบัติเหตุก็มากขึ้น
  • ค่าอะไหล่สำหรับรถรุ่นเก่าอาจหายากหรือแพงขึ้น ทำให้บริษัทประกันต้องเผื่อค่าใช้จ่ายมากขึ้น

📊 2. ประวัติการเคลมของผู้เอาประกัน

  • หากปีที่ผ่านมาเคยเคลมประกัน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อาจทำให้เบี้ยปีถัดไปเพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่ไม่มีการเคลมมักได้ ส่วนลดประวัติดี (No Claim Bonus) แต่ถ้าเคลม ส่วนลดนี้จะหายไป

💥 3. สถิติอุบัติเหตุและอาชญากรรม

  • หากพื้นที่ที่คุณอยู่อาศัยหรือใช้รถมีอุบัติเหตุสูง หรือมีรายงานการโจรกรรมมากขึ้น เบี้ยประกันจะปรับตามความเสี่ยง

🛠️ 4. ค่าแรงซ่อมและค่าอะไหล่ที่แพงขึ้น

  • ราคาค่าซ่อมในอู่ หรือศูนย์บริการเพิ่มขึ้นทุกปี
  • ค่าอะไหล่โดยเฉพาะของรถนำเข้า แพงขึ้นตามราคาตลาดและอัตราแลกเปลี่ยน

💰 5. บริษัทประกันปรับกลยุทธ์ราคา

  • บริษัทประกันอาจปรับเบี้ยให้สอดคล้องกับผลประกอบการของปีที่ผ่านมา
  • หากปีนั้นมีเคลมจำนวนมาก บริษัทจะกระจายความเสี่ยงโดยปรับเบี้ยขึ้นในปีต่อๆ ไป

🔍 6. การเลือกแผนประกันที่เปลี่ยนไป

  • บางครั้งคุณอาจเปลี่ยนประเภทประกัน (เช่น จากชั้น 1 ไปชั้น 2+ หรือกลับกัน)
  • เปลี่ยนบริษัทประกัน หรือเปลี่ยนทุนประกัน ก็มีผลต่อราคา

สรุป:

ราคาประกันรถยนต์เปลี่ยนทุกปีเพราะขึ้นกับ ความเสี่ยงในมุมมองของบริษัทประกัน ทั้งจากตัวรถ ผู้ขับขี่ และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม โดยรวมแล้วบริษัทจะคำนวณอย่างรอบด้านเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนและความเสี่ยงในปีถัดไป

หากคุณต้องการให้เบี้ยไม่เพิ่มมาก ลองพิจารณา:

  • ขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่เคลมเล็กน้อย
  • เลือกแบบประกันที่เหมาะสม (เช่น ชั้น 2+ แทนชั้น 1 หากรถเก่า)
  • เปรียบเทียบหลายบริษัทก่อนต่ออายุ

Share This Article
Facebook Twitter Email Copy Link
คุณคิดอย่างไร ?
Love0
Sad0
Happy0
Surprise0
Angry0

Latest News

Stripe เครื่องมือรับชำระเงินสำหรับธุรกิจยุคดิจิทัล
เทคโนโลยี
Odin: Valhalla Rising – ผจญภัยในโลกแห่งตำนานนอร์ส
เกมส์
ประวัติและผลงาน ดัง พันกร บุณยะจินดา
บันเทิง
วิธีคำนวณเงินสำรอง ช่วงเศรษฐกิจถดถอย
เศรษฐกิจและการลงทุน

เนื้อหาที่คุณอาจจะชอบ

ทั่วไปเศรษฐกิจและการลงทุน

หวยเกษียณ ลุ้นเงินล้าน ใครซื้อได้บ้าง

405 Views
© 2024 Bizknew.com All Rights Reserved.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ใบเสนอราคา
  • ทำเว็บไซต์
  • Short URL
  • ย่อลิงค์
  • คลังสินค้า
  • ติดต่อเรา
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?