By using this site, you agree to the Privacy Policy and Terms of Use.
Accept
สำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิว
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
Reading: เปรียบเทียบ วิกฤตดอทคอม vs ยุคสมัยแห่ง AI
Sign In
สำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิวสำนักข่าวบิสนิว
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
Search
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
Have an existing account? Sign In
Follow US
  • หน้าแรก
  • เศรษฐกิจและการลงทุน
  • เทคโนโลยี
  • เกมส์
  • กีฬา
  • ข่าวชาวบ้าน
  • หนังเด่น
© 2024 Bizknew.com All Rights Reserved.
สำนักข่าวบิสนิว > Blog > เทคโนโลยี > เปรียบเทียบ วิกฤตดอทคอม vs ยุคสมัยแห่ง AI
เทคโนโลยีเศรษฐกิจและการลงทุน

เปรียบเทียบ วิกฤตดอทคอม vs ยุคสมัยแห่ง AI

Longtun
Last updated: October 8, 2025 7:11 am
35 Views

วิกฤตดอทคอม (Dot-com Bubble)
หรือที่เรียกว่า “ฟองสบู่ดอทคอม” (Dot-com Crisis / Dot-com Crash) เป็นเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2000 โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเติบโตและแตกของฟองสบู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต

Contents
สาเหตุของการเกิดวิกฤตดอทคอมวิกฤตเกิดขึ้นเมื่อไร และเกิดอะไรขึ้นผลกระทบที่ตามมาใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกลับมาปกติบทเรียนจากวิกฤตดอทคอมเปรียบเทียบ “วิกฤตดอทคอม” vs “ยุค AI เศรษฐกิจซบเซา”สรุปภาพรวมสรุปใจความสำคัญ

สาเหตุของการเกิดวิกฤตดอทคอม

  1. การเติบโตของอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
    ช่วงปี 1995–2000 เป็นยุคที่อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้าถึงผู้คนมากขึ้น นักลงทุนและสื่อมวลชนต่างเชื่อว่า “ธุรกิจออนไลน์คืออนาคต”
    ทำให้มีบริษัทเกิดใหม่ (Startups) ที่ลงท้ายด้วย “.com” จำนวนมาก เช่น Pets.com, Webvan, eToys ฯลฯ
  2. การลงทุนเก็งกำไรเกินจริง (Speculative Investment)
    นักลงทุนเชื่อว่าบริษัทใดเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตจะเติบโตแบบก้าวกระโดด จึงแห่กันซื้อหุ้นโดยไม่สนงบการเงินหรือผลกำไรจริง
    ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้นผิดปกติ ทั้งที่บางบริษัทแทบไม่มีรายได้จริง
  3. การเข้าตลาดหุ้นง่ายเกินไป
    บริษัทเทคโนโลยีใหม่จำนวนมากสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ได้ง่าย แม้ยังขาดทุน ส่งผลให้ตลาดเต็มไปด้วย “บริษัทกระดาษ”
  4. สื่อและนักวิเคราะห์ช่วยสร้างกระแส
    ข่าวและบทวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชียร์การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ทำให้นักลงทุนรายย่อยยิ่งหลงเชื่อว่าราคาจะขึ้นตลอดไป

วิกฤตเกิดขึ้นเมื่อไร และเกิดอะไรขึ้น

  • จุดสูงสุดของฟองสบู่คือช่วง ปี 1999–ต้นปี 2000
  • ดัชนี NASDAQ (ตลาดหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ) พุ่งจากประมาณ 1,000 จุด (ปี 1995) ขึ้นไปกว่า 5,000 จุด (มีนาคม 2000)
  • หลังจากนั้นไม่นาน นักลงทุนเริ่มตระหนักว่าหลายบริษัทไม่มีศักยภาพจริง
    → เกิดการเทขายหุ้นอย่างรุนแรง
    → ราคาหุ้นเทคโนโลยีร่วงลงกว่า 70–80% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี

ผลกระทบที่ตามมา

  1. บริษัทเทคโนโลยีล้มละลายจำนวนมาก
    เช่น Pets.com, eToys, Webvan และอีกหลายร้อยบริษัทต้องปิดกิจการ
  2. นักลงทุนสูญเงินมหาศาล
    มูลค่าตลาดรวมของ NASDAQ หายไปกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
  3. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว
    ตลาดแรงงานในภาคเทคโนโลยีหดตัว การลงทุนในนวัตกรรมลดลง
  4. ความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลงทั่วโลก
    ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระยะสั้น

ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกลับมาปกติ

  • ตลาดหุ้น NASDAQ ใช้เวลานานถึง 15 ปี (จากปี 2000 ถึงประมาณปี 2015)
    กว่าจะกลับขึ้นมาที่ระดับสูงสุดเดิมอีกครั้ง
  • แต่ในช่วงหลังปี 2004–2005 บริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งจริง เช่น
    Google, Amazon, eBay และ later Facebook เริ่มเติบโตแทนที่บริษัทที่ล้มไป

บทเรียนจากวิกฤตดอทคอม

  • การลงทุนใน “เทคโนโลยีใหม่” ต้องพิจารณา พื้นฐานทางธุรกิจ (Fundamental) ไม่ใช่แค่กระแส
  • การเติบโตของเทคโนโลยีเป็นเรื่องจริง แต่ “ราคา” ในตลาดอาจไม่สะท้อน “มูลค่า” ที่แท้จริง
  • ฟองสบู่เกิดขึ้นซ้ำได้เสมอ หากมีความคาดหวังเกินจริง เช่น ฟองสบู่คริปโต หรือ AI บางช่วง

เปรียบเทียบ “วิกฤตดอทคอม” vs “ยุค AI เศรษฐกิจซบเซา”

ประเด็นวิกฤตดอทคอม (1995–2002)ยุค AI ปัจจุบัน (2023–2025)
เทคโนโลยีหลักอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ (Web 1.0)ปัญญาประดิษฐ์ (AI, Generative AI)
ความเชื่อของตลาด“ทุกบริษัทออนไลน์จะรวย”“AI จะเปลี่ยนโลกและทุกธุรกิจต้องใช้”
ลักษณะการลงทุนนักลงทุนทุ่มเงินในบริษัท .com ที่ยังไม่มีรายได้บริษัทใหญ่ (เช่น Microsoft, NVIDIA, OpenAI) ได้รับเงินลงทุนมหาศาล แต่มีรายได้จริง
สภาพเศรษฐกิจโดยรวมเศรษฐกิจร้อนแรง → ฟองสบู่แตก → ถดถอยชั่วคราวเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยสูง และสงคราม แต่เทคโนโลยี AI ยังเติบโตต่อ
โครงสร้างตลาดหุ้นนักลงทุนรายย่อยเก็งกำไรหนักนักลงทุนสถาบัน และ Big Tech เป็นผู้ถือครองหลัก
ตัวอย่างบริษัทเด่นPets.com, Yahoo!, AOL (ส่วนใหญ่ล้ม)OpenAI, NVIDIA, Google, Anthropic (มีรายได้และการใช้งานจริง)
ปัญหาหลักขาดรายได้จริง โมเดลธุรกิจไม่ยั่งยืนต้นทุนสูง (ชิป, พลังงาน, เซิร์ฟเวอร์), ความไม่ชัดเจนด้านกฎหมายและ ROI
การตอบสนองของตลาดแรงงานการจ้างงานด้านเทคโนโลยีหดตัวหลังฟองสบู่แตกมีการปลดพนักงานด้านเทคโนโลยีบางส่วน แต่การจ้างงานด้าน AI เพิ่มขึ้น
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจชะลอตัวระยะสั้น (2001–2003)เศรษฐกิจชะลอตัวจากปัจจัยหลายด้าน (ไม่ใช่ AI โดยตรง)
แนวโน้มในอนาคตหลังฟองสบู่แตก บริษัทจริงจังอย่าง Google, Amazon, eBay เติบโตAI อาจผ่าน “ช่วงเย็นของฟองสบู่” (AI Winter) ก่อนเข้าสู่ยุคใช้งานจริง (AI Integration Era)

สรุปภาพรวม

หัวข้อสรุปสั้น ๆ
จุดเหมือนกันการเกิด “กระแสเก็งกำไร” และ “ความคาดหวังเกินจริง” ต่อเทคโนโลยีใหม่ ทำให้เงินลงทุนหลั่งไหลมหาศาล
จุดต่างกันดอทคอมขาดรายได้จริง แต่ AI มีการใช้งานจริงในภาคธุรกิจ เช่น ระบบอัตโนมัติ การสร้างเนื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูล
ความเสี่ยงตอนนี้การประเมินมูลค่าบริษัท AI เกินจริง, การใช้พลังงานสูง, การขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้าน AI จริง
โอกาสหากผ่านช่วง “ฟองสบู่ AI” ไปแล้ว เทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเหมือนที่อินเทอร์เน็ตเคยเป็นหลังปี 2005

สรุปใจความสำคัญ

“วิกฤตดอทคอมคือฟองสบู่แห่งความหวังที่ยังไม่พร้อม แต่ยุค AI คือฟองสบู่แห่งการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเกิดขึ้นจริง”

หรือพูดอีกแบบคือ

  • ดอทคอม “ฝันไกลเกินเทคโนโลยี”
  • AI วันนี้ “เทคโนโลยีเดินเร็วกว่าฝัน แต่เศรษฐกิจยังช้าเกินจะตามทัน”

Share This Article
Facebook Twitter Email Copy Link
คุณคิดอย่างไร ?
Love0
Sad0
Happy0
Surprise0
Angry0

Latest News

Touchback (2011) — เมื่อได้โอกาสกลับไปเลือกใหม่ เราจะยังเลือกเหมือนเดิมไหม
หนังเด่น
เปิดภาพ เบบี๋ สุพรรณี น้อยโนนทอง
ข่าวชาวบ้าน บันเทิง
บัญชีแบบไหน ? มีความเสี่ยงถูกอายัด
ข่าวชาวบ้าน
บัญชีถูกอายัด ขั้นตอนขอปลดอายัด ต้องทำยังไง
ข่าวชาวบ้าน

เนื้อหาที่คุณอาจจะชอบ

เศรษฐกิจและการลงทุน

เศรษฐกิจและสงคราม ทุก 80 ปีที่โลกต้องเผชิญ

183 Views 2
เทคโนโลยี

Stripe เครื่องมือรับชำระเงินสำหรับธุรกิจยุคดิจิทัล

226 Views
เศรษฐกิจและการลงทุน

วิธีคำนวณเงินสำรอง ช่วงเศรษฐกิจถดถอย

270 Views
เทคโนโลยี

5 เว็บย่อลิงค์ไทยที่ดีที่สุด ปี 2025

363 Views
© 2024 Bizknew.com All Rights Reserved.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ใบเสนอราคา
  • ทำเว็บไซต์
  • Short URL
  • ย่อลิงค์
  • คลังสินค้า
  • ติดต่อเรา
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?